ช่วยให้อารมณ์สดใส เชื่อหรือไม่ว่าการทานพริกขี้หนูนั้น จะทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ เพราะในพริกมีสารแคปไซซินที่จะช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารชนิดนี้มีคุณสมบัติหลายประการต่อร่างกาย โดยจะช่วยลดอาการเจ็บปวด มีส่วนช่วยในการลดฮอร์โมนความเครียด ทำให้อารมณ์สดใส รู้สึกสดชื่น ช่วยลดระดับความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงทำให้มีความสุขมากขึ้น 3. ทำให้เจริญอาหาร สารเอ็นดอร์ฟินนอกจากจะช่วยทำให้อารมณ์สดใสขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้อาหารอร่อยมากยิ่งขึ้น พริกขี้หนูยังทำให้ต่อมน้ำลายทำงานมากขึ้น ช่วยกระตุ้นปลายประสาท ทำให้สมองส่วนกลางรับรู้ความอยากทานอาหาร จึงทำให้หลายคนชอบทานเผ็ด เพราะยิ่งทานอาหารที่มีรสเผ็ดก็จะยิ่งทำให้ทานอาหารอร่อยยิ่งขึ้น 4. ลดอาการปวด อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าสารแคปไซซินที่อยู่ในพริกขี้หนูจะช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดโดยธรรมชาติ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดน้อยลง ในสมัยโบราณได้มีการนำพริกขี้หนูมาใช้ทำลูกประคบ ใช้ทำน้ำมันแก้ปวดเมื่อยตามข้อ ในปัจจุบันได้มีการสกัดสารแคปไซซินออกมา โดยนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งและเจล เพื่อใช้ทาบรรเทาอาการปวดบวมตามส่วนต่าง ๆ ของผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น เข่าอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัวลงได้อีกด้วย 5.
ถ้าพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนักหรือการลดความอ้วน ทุกคนรู้ดีว่าการ ออกกำลังกาย คือวิธีที่ดีและยั่งยืนที่สุด แต่เชื่อว่ามีหลายคนรู้สึกว่าตนเองนั้นขี้เกียจเกินไปที่จะบังคับให้ตนเองลุกไปออกกำลังกาย แม้ว่าช่วงแรก ๆ จะไฟแรงดี แต่ก็คงทำได้จริงไม่กี่วัน รู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ แล้วแบบนี้จะมีทางรอดสำหรับคนที่ขี้เกียจแต่อยากผอมบ้างหรือไม่เนี่ย?
บริการทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม กด March 14, 2017 21:03 ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ. ) • -การรักษาผู้ที่มีภาวะท้องผูก --การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย1. 5 ถึง 2.
โดย JiZhan Yan, Zhou Qing, Zou LiHui
พ่อแม่อัดคลิปแกล้งให้ลูกสูบกัญชาและดื่มเบียร์ ตำรวจไม่เชื่อว่าแกล้งทำ บทความจากพันธมิตร มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!
) การรับประทานผักผลไม้ให้มีกากใยอาหารเพียงพอควรรับประทานมากกว่าหรือเท่ากับ 400 กรัมต่อวันค่ะ คือประมาณ ผัก 3 ทัพพีต่อวัน บวกกับผลไม้ 2 ส่วนต่อวัน (ผลไม้หนึ่งส่วน เท่ากับ กล้วย ส้ม ชมพู่ ประมาณ 1-2 ผล นอกนั้นก็ลองเทียบตามขนาดผลเอาค่ะ) และควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 1. 5 - 2 ลิตรต่อวัน ที่สำคัญคือออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ลำไส้ มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้นค่ะ หากปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอแต่ยังมีอาการท้องผูกอยู่ อาจต้องสังเกตอาการอื่นด้วย เช่น ถ่ายปนมูกเลือด ท้องผูกสลับท้องเสียประจำ อุจจาระลำเล็กลง น้ำหนักลดลงผิดปกติ รับประทานแคลเซียมเสริมมากเกินไป อาจต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมนะคะ แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 25650 บาท จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม! March 16, 2017 22:06 ชยากร พงษ์พยัคเลิศ ท้องผูกหากเกิดจากสาเหตุทางกาย แพทย์จะทำการรักษาตามสาเหตุ แต่กรณีหาสาเหตุไม่พบจะมีแนวทางการดูแลรักษาต่อไปนี้ การดูแลรักษาทั่วไป 1.
การสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วย ผู่ป่วยบางคนสามารถถ่ายอุจจาระได้ปกติแต่เข้าใจว่าตัวเองมีอาการท้องผูก ผู้ป่วย กลุ่มนี้มักให้ความสําคัญกับสุขภาพตนเองมากและเชื่อว่าการถ่ายปกติต้องถ่ายได้ทุกวันทําให้เกิดความกังวลเมื่อตนเองไม่ สามารถถ่ายได้อย่างสม่ําเสมอการให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าถ้าสามารถถ่ายได้มากกว่าสองครั้งตอสัปดาหและ การถ่ายนั้นไม่ได้ยากลําบากหรือเจ็บปวดก็ถือว่าเป็นการถ่ายที่ปกติ 2. การถ่ายให้เป็นเวลาและตอบสนองต่อความรู้สึกอยากถ่าย โดยปกติความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระมักเกิดหลังจากผู้ป่วยตื่นนอนในตอนเช้าและช่วงเวลาหลังอาหารในทางปฏิบัติหลังตื่นนอนตอนเช้าจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสําหรับการถ่ายอุจจาระ ผู้ป่วยที่มีอาการที่องผูกควรตื่นแต่เช่าให้มีเวลาเพียงพอที่จะดื่มนมสักหนึ่งแก้วเพื่อกระตุ้นให้เกิดความอยากถ่าย 3. อาหาร น้ําดื่มและเกลือแร่อาหารที่มีกากหรือไฟเบอร์มากจะทําให้ปริมาณอุจจาระมากขึ้นและเคลื่อนตัวภายในลําไส้ใหญ่เร็วขึ้นแต่การรับประทานอาหารที่มีกากมากขึ้นจะได้ผลเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกไม่รุนแรงในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการท้องผูกรุนแรงการเพิ่มปริมาณกากอาหารหรือไฟเบอร์ในอาหารที่รับประทานอาจทําให้มีอาการท้องอืดหรือปวดเกร็งท้องได้ 4.
guiacatolico.com, 2024